วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

การจดทะเบียนการค้า

   
 เครื่องหมาย หมายความว่า ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพสิ่งประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คำ ข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข ลายมือชื่อ กลุ่มของสี รูปร่างหรือรูปทรงของวัตถุ หรือสิ่งเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกัน โดยมีกฎหมายที่คุ้มครอง คือ พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 และมีการแก้ไขเพิ่มเติมในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2543

ประเภทเครื่องหมายที่ให้ความคุ้มครอง

กฎหมายเครื่องหมายการค้า ให้ความคุ้มครองเครื่องหมาย 4 ประเภท ได้แก่

1.เครื่องหมายการค้า หมายความว่า เครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้เป็นเครื่องหมายเกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น
2.เครื่องหมายบริการ หมายความว่า เครื่องหมายที่ใช้หรอจะใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับบริการ เพื่อแสดงว่าบริการที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายบริการนั้น แตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่องหมายบริการของบุคคลอื่น
3.เครื่องหมายรับรอง หมายความว่า เครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้หรือจะใช้เป็นที่หมาย หรือเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการรับรองเกี่ยวกับแหล่งกำเนิด ส่วนประกอบ วิธีการผลิต คุณภาพ หรือคุณลักษณะอื่นใดของสินค้านั้นหรือเพื่อรับรองเกี่ยวกับสภาพคุณภาพ ชนิด หรือคุณลักษณะอื่นใดของบริการนั้น
4.เครื่องหมายร่วม หมายความว่า เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการที่ใช้ หรือจะใช้โดยบริษัทหรือรัฐวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกันหรือโดยสมาชิกของสมาคม สหกรณ์ สหภาพ สมาพันธ์ กลุ่มบุคคลหรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน

การได้มาซึ่งความคุ้มครอง

      ความคุ้มครองเครื่องหมายการค้ามิได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเจ้าของเครื่องหมายการค้า จะต้องนำเครื่องหมายการค้าที่คิดขึ้นไปทำการจดทะเบียนเสียก่อน จึงจะได้รับความคุ้มครองโดยสมบูรณ์ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2543

ประโยชน์ของเครื่องหมายการค้า

      สำหรับประโยชน์ของเครื่องหมายการค้านั้น สามารถพิจารณาได้หลักๆ 2 ด้าน คือ
1.ด้านเจ้าของเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการค้ามีประโยชน์ในการที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถจดจำหรือเรียกขานสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถแยกแยะเพื่อเลือกซื้อสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นได้ และไม่สับสนกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ
2.ด้านผู้บริโภค เครื่องหมายการค้าจะทำให้ผู้บริโภคสามารถแยกแยะสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นจากสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าอื่นและเครื่องหมายการค้าจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพตามต้องการ รวมทั้งทราบถึงตัวเจ้าของเครื่องหมายการค้าด้วย

สิทธิเจ้าของเครื่องหมายการค้า

ทั้งนี้ผลจากการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น อาจมองได้ 2 ส่วน คือ
1.เครื่องหมายการค้าที่ยังไม่ได้จดทะเบียน เจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสิทธิที่จะใช้เครื่องหมายการค้าที่ยังไม่ได้จดทะเบียนนั้นแต่จะฟ้องคดีเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนหรือเรียกค่าเสียหายไม่ได้เว้นแต่จะเป็นกรณีลวงขาย
2.เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้ว เจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าที่จดทะเบียนไว้และในกรณีที่ผู้อื่นละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วนั้น มีสิทธิที่จะฟ้องร้องและเรียกค่าเสียหายได้ และในกรณีที่มีผู้อื่นนำเครื่องหมายการค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้าไปจดทะเบียนเจ้าของเครื่องหมายการค้าอาจฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้

ดังนั้น ผู้ที่จะใช้เครื่องหมายการค้าไม่ควรใช้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
       โดยทั่ว ๆ ไปก่อนการยื่นขอจดทะเบียน ผู้ที่ต้องการขอจดทะเบียนควรที่จะขอตรวจค้นดูที่สำนักเครื่องหมายการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ว่ามีเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้แล้วเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของตนหรอไม่ถ้ามีเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกัน ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ก็ไม่สามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ต้องการจดทะเบียนได้อีก

ลักษณะของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนได้

        ลักษณะของเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง และเครื่องหมายร่วมที่จะจดทะเบียนได้ จะต้องมีลักษณะตามที่กำหนดในกฎหมาย โดยประกอบด้วยลักษณะ 3 ประการ คือ
1.มีลักษณะบ่งเฉพาะ คือ มีลักษณะที่ทำให้ประชาชนหรือผู้ซื้อสินค้านั้นทราบและเข้าใจได้ว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างจากสินค้าอื่น เช่น เป็นรูปหรือคำที่ได้ประดิษฐ์ขึ้น ลายมือชื่อหรือภาพของผู้เป็นเจ้าของ เป็นต้น
2.ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย เช่น ธงชาติ เครื่องหมายราชการ พระบรมฉายาลักษณ์ เป็นต้น
3.ไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายของบุคคลอื่น เครื่องหมายการค้าที่จะจดทะเบียนนั้น จะต้องไม่เหมือนกับเครื่องหมายที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว หรือคล้ายกับเครื่องหมายที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว จนอาจจะทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดสินค้า โดยพิจารณาจาก คำเสียงเรียกขาน รูปหรือภาพและการประดิษฐ์ของเครื่องหมาย เป็นต้น

ระยะเวลาที่ให้การคุ้มครอง


      เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้ว มีอายุความคุ้มครอง 10 ปี เมื่อจะครบกำหนดสามารถที่จะต่ออายุได้เป็นคราว ๆ คราวละ 10 ปี

เอกสารประกอบคำขอจดทะเบียน
1.คำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายบริการหรือคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายรับรอง หรือคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายร่วมตามประเภทเครื่องหมายที่จะจดทะเบียน พร้อมสำเนารวม 5 ชุด โดยให้การกรอกข้อความต่าง ๆ ในคำขอจดทะเบียน ปิดรูปเครื่องหมายพร้อมลงชื่อ และถ่ายสำเนาจากคำขอจดทะเบียนที่ได้กรอกข้อความปิดรูปและลงชื่อแล้ว จำนวน 5 ชุด
2.สำเนาบัตรประจำตัวที่ทางราชการออกให้ ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือหนังสือเดินทางในกรณีที่ผู้ขอเป็นบุคคลธรรมดา
3.หนังสือรับรองนิติบุคคลฉบับปัจจุบัน โดยมีคำรับรองของผู้มีอำนาจให้คำรับรองตามกฎหมายไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันที่ออกหนังสือรับรองนั้น ในกรณีที่เป็นนิติบุคคล
4.สำเนาหนังสือแต่งตั้งตัวแทนหรือหนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
5.รูปเครื่องหมายการค้าที่เหมือนกับที่ปิดลงในคำขอจดทะเบียนอีกจำนวน 5 รูป
6.หลักฐานนำสืบลักษณะบ่งเฉพาะ หรือหนังสือขอผ่อนผันการนำส่งหลักฐานดังกล่าว (ถ้ามี) เช่น หลักฐานที่แสดงว่าได้มีการจำหน่ายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนนั้นจนเป็นที่รู้จักแพร่หลายแล้วว่าใครเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จะจดทะเบียนนั้น

วิธีการ และสถานที่ยื่นคำขอ

การยื่นคำขอเครื่องหมายการค้าสามารถกระทำได้ 2 วิธี คือ
1.ยื่นขอโดยตรงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หน่วยจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยีแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
2.สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มคำขอเครื่องหมายการค้าได้ที่ www.tlo.rmutt.ac.th และส่งคำขอทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงพนักงานเจ้าหน้าที่หน่วยจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยีแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล

ค่าธรรมเนียม

การชำระค่าธรรมเนียมคำขอเครื่องหมายการค้าได้แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนดังนี้
1.ขั้นตอนการยื่นคำขอจดทะเบียน ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับจำนวนรายการสินค้าหรือบริการที่จะจดทะเบียนซึ่งจะต้องชำระค่าธรรมเนียมสินค้า/บริการอย่างละ 500 บาท
กำหนดการประกาศโฆษณาและไม่มีผู้คัดค้านการจดทะเบียนโดยผู้ขอจะต้องชำระค่าธรรมเนียมตามจำนวนสินค้า/บริการอย่างละ 300 บาท

ขั้นตอนการจดเครื่องหมายการค้า

ขั้นตอนการจดเครื่องหมายการค้านั้น สามารถสรุปเป็นแผนภูมิได้ ต่อไปนี้
ที่มาของบทความ : http://www.tlo.rmutt.ac.th/?p=38

สรุป : การจดทะเบียนการค้าคือทำหลักฐานทางการค้าเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของโดยแสดงออกมาเป็นเครื่องหมายทางการค้า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ และ การปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมาย ทั้งเจ้าของเครื่องหมายการค้าและผู้บริโภค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น